วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

สัมมาทิฏฐิที่ 10 ความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง มีบุคล


ความประมาทส่งผลให้เกิดใน ทุคติภูมิ
คำว่า ประมาท โดยรูปศัพท์หมายถึง ความเป็นอยู่อย่างขาดสติ ความปล่อยปละละเลย อันเป็นเหตุให้คนเราทำความผิดพลาดเสียหาย ตลอดจนละเลยโอกาสที่จะทำเหตุแห่งความดี และความเจริญ
สำหรับ ประมาท ในทางธรรม หมายถึง การไม่สนใจใฝ่รู้ธรรมอย่างจริงจัง อันเป็นเหตุให้คนเราประพฤติผิดศีลธรรม ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส เห็นผิดเป็นชอบ คือ เป็นมิจฉาทิฏฐินั่นเอง
ใจคนเราจะผ่องใสเกิดปัญญารู้แจ้งได้ต้องเริ่มจาก ละชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน
การละชั่วทั้งปวง ก็คืองดเว้นกรรมชั่วทั้งปวงทางกาย วาจา และใจ ในขั้นต้นก็ละชั่ว ด้วยการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์
การทำความดีให้ถึงพร้อมนั้นมีขอบข่ายกว้างขวางมาก นับตั้งแต่การทำทานในลักษณะแบ่งปัน ในลักษณะสังคมสงเคราะห์ การสักการบูชาบุคคลที่ควรบูชา การถวายทานแก่สมณพราหมณ์
ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ การแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี ด้วยการเอาใจใส่รับใช้เลี้ยงดู
เป็นอย่างดี ตลอดถึงการศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นสำคัญ
เมื่อละชั่วทั้งปวงแล้ว ทำความดีให้ถึงพร้อมแล้ว ก็ทำภาวนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จนกระทั่ง
ใจหยุดนิ่ง ใจก็จะผ่องใสไปตามลำดับๆ เมื่อใจผ่องใสเต็มที่ ใจก็จะสว่างทำให้สามารถเห็นวงจรแห่งการทำงานของทั้งกรรมดีและกรรมชั่วได้อย่างสมบูรณ์ชัดเจน จะทำให้เกิดความรู้แจ้ง
สรุป สัมมาทิฏฐิที่ 9 ที่ว่าโอปปาติกะหรือสัตว์ผุดเกิดขึ้นมี คือ การเกิด โอปปาติกะ
มีจริง
นรกและสวรรค์ซึ่งเป็นที่เกิดที่อยู่ของเหล่าโอปปาติกะก็มีจริง ทั้งนรกและสวรรค์ต่างอยู่พ้นจากโลกมนุษย์และสายตามนุษย์ แต่ยังไม่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่พ้นจากอำนาจกิเลส และไม่พ้นทุกข์ ถือว่าเป็นสัตว์โลกอีกประเภทหนึ่ง ที่ยังตกอยู่ในความประมาท
สัมมาทิฏฐิที่ 10 ความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง มีบุคล และมีสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ที่ทำให้เห็นแจ้งโลกนี้โลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม
สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ชนิดที่ทำให้แจ้งโลกนี้โลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่ง หมายถึง พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งพระอรหันตเจ้าทั้งหลายด้วย
พระพุทธองค์ เมื่อทรงรู้แจ้งเห็นแจ้งโลกนี้โลกหน้าแล้ว ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ จึงทรงให้พระอรหันตสาวกทั้งหลาย นำความรู้จากประสบการณ์ของตนมาสอนชาวโลก ให้รู้แจ้ง
ตามด้วย เพื่อจะได้สามารถพาตนให้พ้นจากสังสารวัฏ ซึ่งเปรียบเสมือนคุก ที่ขังสัตว์โลกอยู่ในวงจร แห่งกิเลส กรรม วิบาก อันหาจุดจบมิได้นี้
สรุป สัมมาทิฏฐิที่ 10 คือ ที่ว่าโลกนี้สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ ชนิดที่
ทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่งเอง แล้วประกาศโลกนี้โลกหน้ามี หมายความว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตลอดจนพระอรหันตเจ้า ผู้สามารถรู้แจ้งเห็นแจ้งโลกนี้โลกหน้า ด้วยวิริยอุตสาหะยิ่งของท่านเองมีจริง ท่านเหล่านั้นเปี่ยมล้นด้วยมหากรุณาได้สละชีวิตบำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ชาวโลกเสมอมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น