วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

2. ตั้งใจรักษาศีลอย่างเคร่งครัด


2.  ตั้งใจรักษาศีลอย่างเคร่งครัด อย่างน้อยที่สุดและสำคัญที่สุดก็คือ ศีล 5 และ
ถ้าสามารถรักษาศีล 8 ได้เป็นบางโอกาสหรือรักษาได้ตลอดก็ยิ่งดี เพราะนอกจากจะเป็นการสั่งสมบุญเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้พฤติกรรมทางกาย และวาจา สะอาด บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ศีลมีคุณูปการต่อธรรมต่างๆ เป็นอเนกอนันต์ ดังที่พระสีลวเถระ กล่าวว่า
1. ศีลอันบุคคลศึกษาดีแล้ว สั่งสมดีแล้วย่อมนำสมบัติทั้งปวงมาให้ในโลกนี้
2. ผู้มีศีล ย่อมได้รับการสรรเสริญ และได้รับชื่อเสียงทุกเมื่อ
3. ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธาน
แห่งธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นพึงชำระศีลให้บริสุทธิ์
4. สังวรศีลเป็นเครื่องกั้นความทุจริต
5. ศีลเป็นกำลังหาที่เปรียบมิได้ เป็นอาวุธอย่างสูงสุด เป็นอาภรณ์อันประเสริฐ เป็นเกราะอันน่าอัศจรรย์
6. ศีลเป็นเสบียงอันเลิศ เป็นเสบียงเดินทางชั้นเยี่ยม เป็นพาหนะประเสริฐยิ่งนัก
7. ในโลกนี้ ศีลเท่านั้นเป็นยอด บุคคลใดก็รักษาศีลได้บริสุทธิ์อยู่เป็นนิจ ย่อมได้ชื่อว่าได้สั่งสมบุญไว้ที่ใจตลอดไป
3.  ตั้งใจให้ทานเต็มที่ คนเราเมื่อตายไปแล้วร่างกายก็เอาไปไม่ได้ แม้ทรัพย์สมบัติมากมายก็เอาไปไม่ได้ แต่สามารถเอาทรัพย์ละเอียดเป็นเสบียงติดใจไปได้
ทรัพย์ละเอียดก็คือบุญที่เราทำไว้ดีแล้ว บุญจะเป็นที่พึ่งของเราในโลกหน้า ไม่ว่าจะต้องไปเกิดเป็นอะไรอีก บุญนี้ก็จะนำเราไปเกิดในที่เหมาะสม และจะคอยประคับประคองชีวิตของเราให้ประสบแต่ความสุข
4.  ต้องเพิ่มพูนปัญญาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้เกิดปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจโลกและความเป็นไปของชีวิตอย่างถ่องแท้ ตรงตามเป็นจริง นอกจากจะต้องศึกษาพระธรรมคำสอน
ในพระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางแล้ว สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเจริญภาวนา
การเจริญภาวนา
จุดมุ่งหมายของการทำภาวนาในขั้นต้นก็คือ เพื่อฝึกใจให้หยุดนิ่งเป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน
ไปในเรื่องต่างๆ เมื่อใจหยุดนิ่งสนิทเป็นสมาธิได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ใจก็จะสว่างขึ้นไปตามลำดับๆ
จนกระทั่งสามารถส่องให้เห็นความจริงของโลก และความเป็นไปของชีวิตได้ลุ่มลึก ซึ่งมังสจักษุ
หรือตาเนื้อ มองไม่เห็น จากการเห็นธรรมชาติความเป็นไปของชีวิตและโลกตามความเป็นจริงนี้เอง จึงก่อให้เกิดปัญญารู้เท่าทันสรรพสิ่งทั้งหลาย การหมั่นทำภาวนาอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย แม้ยังไม่ถึงขั้นรู้แจ้งเห็นแจ้ง คนเราก็จะเกิดปัญญาสอนตนเองได้ในระดับหนึ่งว่า อะไรเป็นบาป-บุญ คุณ-โทษ ประโยชน์-มิใช่ประโยชน์ และสามารถกำจัดนิสัยที่ไม่ดีของตนให้ลดลง แล้วพัฒนานิสัยดีๆ ขึ้นมาแทนได้ การเจริญภาวนาจึงเป็นบุญอีกประเภทหนึ่ง
สรุป สัมมาทิฏฐิที่ 6 ที่ว่าโลกหน้ามี คือ โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ ความเป็นไปของโลกหน้าเป็นผลจากกรรมดี หรือชั่วที่เราทำไว้เองในโลกนี้เป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องไม่ประมาท
ต้องหมั่นสะสมคุณดีงามไว้เป็นบุญกุศลทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น