วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

สรุป “สัมมาทิฏฐิที่ 4”


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสยืนยันว่า กรรมที่บุคคลใดกระทำแล้วย่อมส่งผลแก่บุคคลนั้น อย่างแน่นอน สำหรับกรรมชั่วเมื่อถึงคราวกรรมออกผล ก็ไม่มีสิ่งใดมีพลังอำนาจมาขัดขวางทัดทานได้ ดังที่ตรัสว่า
บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทรก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ หนีเข้าไปสู่ซอกภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใด พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น  หามีอยู่ไม่
จุดมุ่งหมายของการศึกษาเรื่องกรรม
จุดมุ่งหมายของการศึกษาเรื่องกรรม เพื่อให้มีความรู้ว่าพฤติกรรมที่เป็นกรรมดีเป็นย่างไรกรรมชั่วเป็นอย่างไร แล้วเลือกประพฤติปฏิบัติเฉพาะแต่กรรมดีเท่านั้นไม่ยอมทำกรรมชั่วเป็นอันขาด แม้ความชั่วเพียงน้อยนิดก็ไม่คิดทำ เพราะกรรมดีจะนำความสุขมาให้เป็นรางวัล ส่วนกรรมชั่วจะนำความทุกข์และความเดือดร้อนมาให้เป็นการลงโทษทัณฑ์
คนที่มีความรู้ทางโลกมากมาย แต่ไม่รู้เรื่องกรรม ก็มีแต่จะใช้ความรู้ของตนสร้างความหายนะให้แก่โลก ในที่สุดตนเองก็ไม่มีทางรอดจากโทษและทุกข์ จากกรรมชั่วที่ตนกระทำ ความปรารถนาที่จะมีชีวิตเป็นสุข ก็จะกลายเป็นทุกข์เข้ามาแทนที่ สู้คนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่รู้ว่าอะไรเป็นกรรมดี อะไรเป็นกรรมชั่ว แล้วเลือกทำแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่วทุกอย่าง ชีวิตก็มีความสุขตามอัตภาพ ไม่ทุกข์ใจ
ชีวิตคนเราแต่ละคน ประกอบด้วย กายกับใจ กล่าวคือ
1. ใจเป็นผู้บัญชาให้กายทำกรรมต่างๆ ทั้งกาย และวาจา
2. ถ้าใจคิดดีคนเราก็ทำกรรมดี อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข
3. ถ้าใจคิดไม่ดีคนเราจะทำกรรมชั่ว อีกทั้งชอบเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับอบายมุข
มนุษย์มีใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสยืนยันในเรื่องนี้ว่า
ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลใดใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น ถ้าบุคคลใดมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น
สรุป สัมมาทิฏฐิที่ 4 คือ ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วมีผล คือ ไม่ว่ากาลไหนๆในที่สุดแล้ว บุคคลทำดีต้องได้ดีจริง ทำชั่วต้องได้ชั่วจริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น